ในปัจจุบัน ธุรกิจหลากหลายประเภทเลือกใช้ทั้ง การขายตรง และ การตลาดแบบตรง เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีการทำงานที่เน้นการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน รวมถึงกฎหมายที่บังคับใช้ โดยในประเทศไทย การดำเนินธุรกิจการขายตรงและการตลาดแบบตรงจะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นการควบคุมการทำธุรกิจเหล่านี้ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การขายตรง (Direct Selling) คืออะไร
การขายตรง เป็นรูปแบบการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ตัวแทนขายหรือผู้จำหน่ายอิสระนำเสนอสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง เช่น การขายสินค้าที่บ้านของลูกค้า หรือสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ร้านค้าปกติ การขายตรงช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถมีการติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคได้โดยตรง ยกตัวอย่างธุรกิจที่ใช้วิธีการขายตรง เช่น Amway ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือ Mistine ที่จำหน่ายเครื่องสำอาง
การตลาดแบบตรง (Direct Marketing) คืออะไร
การตลาดแบบตรง เป็นการทำการตลาดที่มุ่งเน้นการสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต อีเมล หรือแผ่นพับ โดยผู้ประกอบการตลาดแบบตรงจะสื่อสารข้อมูลสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไป มุ่งหวังให้เกิดการตอบสนองจากผู้บริโภคที่ได้รับข้อมูล เช่น การซื้อสินค้าหรือสมัครบริการ ยกตัวอย่างเช่น การส่งแคมเปญโปรโมชั่นผ่านอีเมลหรือการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย
ความแตกต่างระหว่างการขายตรงและการตลาดแบบตรง
การขายตรง เกิดขึ้นผ่านการพบปะและติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างตัวแทนขายกับผู้บริโภคที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เช่น ที่บ้าน หรือสถานที่ทำงาน
การตลาดแบบตรง เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องมีการพบปะกันโดยตรง แต่ใช้สื่อที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสื่อสารกับผู้บริโภคที่อยู่ห่างไกล และเน้นการตอบสนองโดยตรง เช่น การสั่งซื้อออนไลน์หรือโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายตรงและการตลาดแบบตรง
ในประเทศไทย ธุรกิจที่ทำการขายตรงหรือการตลาดแบบตรงจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด ได้แก่
พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 กฎหมายนี้จัดทำขึ้นเพื่อควบคุมธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงให้มีมาตรฐานและเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยธุรกิจเหล่านี้จะต้องทำการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมจากกฎหมายเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้บริโภค เช่น การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคและการกำกับดูแลการปฏิบัติของธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงให้เป็นธรรม
การจดทะเบียนธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง
ธุรกิจที่ต้องการดำเนินการในรูปแบบการขายตรงหรือการตลาดแบบตรงจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด โดยจะต้องมีการเตรียมเอกสารและข้อมูลที่ครบถ้วน รวมถึงต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในเรื่องการจ่ายเงินค่าสมาชิกหรือค่าสินค้าให้เป็นไปตามกฎหมาย
สรุป
ทั้งการขายตรงและการตลาดแบบตรงต่างมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง และมีวิธีการทำธุรกิจที่ต่างกันไป ธุรกิจที่ต้องการดำเนินงานในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งควรมีการศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค